Information
- Aluminium Transformer
- Color Transformer & Enclosure
- K-Factor
- Low Loss Transformer
- ODAF Transformer
- Phase-Shift
Aluminium vs Copper สำหรับการผลิตในหม้อแปลงไฟฟ้า
Historical Preference
แรกเริ่ม หม้อแปลงไฟฟ้าได้ถูกผลิตด้วยลวดตัวนำทองแดง, เนื่องจากทองแดงสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า และเป็นโลหะที่มีราคาถูกที่สุด ณ เวลานั้น จึงเป็นผลทำให้ทองแดงขาดแคลนอย่างหนักโดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี ค.ศ. 1960 จากความต้องการของทองแดงในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้ราคาทองแดง ณ ขณะนั้น มีราคาสูงมาก โรงงานอุตสาหกรรมบางโรงงาน จึงเริ่มทำการทดลองผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าด้วยลวดอลูมิเนียมแทน เทคโนโลยีการใช้ลวดอลูมิเนียมในหม้อแปลงไฟฟ้าจึงได้ถูกนำมาทดลองปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆ จนปัญหาต่างๆเหล่านั้นหมดไป
ความน่าเชื่อถือสำหรับการใช้ขดลวดอลูมิเนียมในหม้อแปลง จึงได้รับการพิสูจน์และถูกเปิดเผย จากผลการทดลองที่ได้รับการยอมรับเหล่านี้ ทำให้มีการใช้ขดลวดอลูมิเนียมกันอย่างแพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา เทคโนโลยีการใช้อลูมิเนียมในหม้อแปลงไฟฟ้า จึงเป็นที่ยอมรับทั่วทั้งยุโรป
Technical Considerations
1. การออกแบบทั่วไปและคุณลักษณะทางไฟฟ้า (General Design and Electrical Characteristics)
- ปริมาตรอลูมิเนียม = 1.8 เท่าของปริมาตรทองแดง
- มวลอลูมิเนียม = 0.55 เท่าของมวลทองแดง
- มวลของเหล็กสำหรับอลูมิเนียม มีขนาดเพิ่มขึ้น = 5-20% ต่อมวลของเหล็กที่ใช้ทองแดง
- ปริมาตรรวมของหม้อแปลงอลูมิเนียมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- มวลรวมของหม้อแปลงมีค่าใกล้เคียงกัน
2. ผลกระทบของคุณสมบัติทางความร้อน (Effect of thermal properties)
- จากปริมาตรอลูมิเนียม มีค่าประมาณ 1.8เท่าของปริมาตรทองแดง พื้นผิวของอลูมิเนียมที่เป็น 1.3เท่าของทองแดง, ดังนั้น ที่ค่าความสูญเสียที่เท่ากัน, อัตราการเพิ่ม-ลดของอุณหภูมิของอลูมิเนียม (Aluminium-oil temperature gradient)จะน้อยกว่าทองแดง
- ในช่วงของการเกิด Short circuit หรือเกิดการ Overload, อุณหภูมิสูงสุดของขดลวดจะขึ้นอยู่กับความจุความร้อน(Specific heat) ของตัวนำไฟฟ้าและมวล ซึ่งค่าความจุความร้อนของอลูมิเนียมมีค่ามากกว่าทองแดง 2.43 เท่า รวมถึงมวลของอลูมิเนียมที่มีค่าน้อยกว่าทองแดงอยู่ 0.55 เท่า
จากปัจจัยข้างต้น จะสามารถคำนวณ Temperature rise ภายในขดลวดได้ ซึ่งค่า Temp-rise ของอลูมิเนียม มีค่าเพียง 75% ของทองแดง จึงส่งผลให้อายุการใช้งานของฉนวน มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น
ผลกระทบของค่าความต้านทานไฟฟ้าต่อกระแสไหลวน (Eddy losses)
- ค่าความลึกของผิวทองแดง ที่ 50 Hz = 9.4 mm , ขณะที่อลูมิเนียมอยู่ที่ 12.3 mm
- จากความแตกต่างของคุณสมบัติทางวัสดุ, ค่า Eddy loss ในลวดอลูมิเนียมมีค่าน้อยกว่าลวดทองแดง 38%
Physical Property | Cu | Al |
Conductivity | 100% | 62% |
Skin Depth | 100% | 127% |
Eddy losses | 100% | 62% |
กระแสไหลวนเนื่องจากค่าฮาร์มอนิคส์
- โหลดปัจจุบันมีคุณสมบัติไม่เป็นเชิงเส้น (Non-linear load) ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลในระบบ มีส่วนประกอบของกระแสฮาร์มอนิคส์ (Harmonic Current) ในปริมาณมาก
- ซึ่งปัญหาต่างๆที่เกิดจากกระแสฮาร์มอนิคส์มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ Overheating และ Vibration ในมอเตอร์เหนี่ยวนำ (Induction motors)
- ซึ่งเป็นผลทำให้ค่า Winding Eddy current (Stray Load Loss) เพิ่ม (Eddy losses ลดลงประมาณ 38% ในกรณีของอลูมิเนียม!!
3. ผลกระทบของคุณสมบัติทางกล (Effect of mechanical properties)
- ความทนต่อแรงดึง และ ความเค้นสูงสุดที่ได้รับ ของโลหะบริสุทธ์ทองแดงและอลูมิเนียม มีอัตราส่วนที่ 2:1 ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าค่า Tensile strength ของอลูมิเนียม มีค่าที่ใกล้เคียงทองแดง อย่างไรก็ตาม จากความแตกต่างนี้สามารถชดเชยได้ด้วยการเพิ่มปริมาตรของอลูมิเนียม
ข้อดี & ข้อเสีย ของอลูมิเนียมและทองแดง
ข้อดีของขดลวดอลูมิเนียม
- ราคาอลูมิเนียมถูกกว่าทองแดงและนำมาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน
- อลูมิเนียมมีชั้นของออกไซด์ที่บางบนพื้นผิว ซึ่งช่วยหยุดไม่ให้อากาศและน้ำเข้าไปที่เนื้อโลหะและทนทานต่อการกัดกร่อน
- ถึงแม้ว่าการค่านำไฟฟ้าของทองแดงดีกว่า แต่ถ้าเทียบที่น้ำหนักเท่ากัน อลูมิเนียมมีค่าการนำไฟฟ้าที่ดีกว่า ถึงเกือบ 2 เท่า
- คอยล์อลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาซึ่งทำให้ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและลดระยะเวลาการผลิต (ถึง400 KVA)
- มีค่าความต้านทานสูงทำให้ค่า Eddy losses ในขดลวดต่ำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงสำหรับอุณหภูมิ ณ จุด Hot-spot รวมถึง Harmonic current
ข้อเสียของขดลวดอลูมิเนียม
- คอยล์อลูมิเนียมมีขนาดใหญ่กว่าคอยล์ทองแดง ซึ่งต้องออกแบบขนาด Cross Section ใหญ่กว่าทองแดงประมาณ1.8เท่า เพื่อที่ค่ากระแสต่อพื้นที่หน้าตัดของจะได้เทียบเท่าทองแดง
- กระบวนการต่อสาย, เชื่อม, เก็บงาน มีความซับซ้อนและต้องใช้ความชำนาญ,เทคนิคสูง
ข้อดีของขดลวดทองแดง
- ง่ายต่อการผลิตในแง่ของการต่อสายเชื่อมต่างๆ
- จากการนำไฟฟ้าได้ดีกว่าทำให้ขนาดหม้อแปลงโดยรวมกระชับกว่าซึ่งสามารถลดต้นทุนการใช้แกนเหล็ก, น้ำมันได้
ข้อเสียของขดลวดทองแดง
- ราคาหม้อแปลงโดยรวมมีราคาสูง
- ความต้านทานการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นต่ำ
- คอยล์มีน้ำหนักมาก ทำให้ยากต่อการขนย้าย
มุมมองด้านเทคโนโลยี
อลูมิเนียมที่ถูกใช้ภายนอกชั้นบรรยากาศ จะมีปัญหาอย่างมากเกี่ยวกับการเชื่อม, จุดต่อสายด้วยอลูมิเนียม-อลูมิเนียม หรือ อลูมิเนียม-ทองแดง ด้วยประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 12 ปี สำหรับการใช้หม้อแปลงอลูมิเนียมในหม้อแปลงไฟฟ้า, Know-How และ เทคนิคต่างๆรวมถึงการทดสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้ว ณ ขณะนี้ ปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆเหล่านั้น จึงหมดไป
สรุป
บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ได้มีการนำเสนอทางเลือกในการใช้ขดลวดทั้งทองแดงและอลูมิเนียมในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า จากประสบการณ์ในการผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงที่ใช้ขดลวดอลูมิเนียมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมาไม่ต่ำกว่า 12 ปี โดยมีการปรับปรุงและพัฒนากระบวณการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทคโนโลยีในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของเรา จึงสามารถยืนยันได้ว่าหม้อแปลงอลูมิเนียมนั้น มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่สูงไม่น้อยไปกว่าทองแดง รวมถึงได้รับประโยชน์จากราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตามบริษัทของเราก็ตระหนักถึงความต้องการของผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยในปัจจุบัน ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังคงมีความพึงพอใจในทองแดงมากกว่าอลูมิเนียม จึงอยากขอเชิญชวนผู้ใช้งานให้หันมาใช้หม้อแปลงที่ใช้ขดลวดอลูมิเนียมเพื่อให้เกิดความแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ใช้งาน โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ
สีของหม้อแปลง และ Enclosure
นอกจากสีมาตรฐานของการไฟฟ้า PEA MEA และมาตรฐานของทางบริษัท เราสามารถให้ลูกค้าเลือกสีได้ตามใจคุณต้องการ เพื่อเพิ่มความสวยงามและทันสมัยให้กับสถานที่ติดตั่งหรือหน่วยงานที่ต้องการความทันสมัยและแปลกใหม่
หน้าที่ของสีแต่ละชั้น
พื้นผิวโลหะ
ต้องมีการเตรียมพื้นผิวที่เหมาะสม เพื่อให้ชิ้นงานมีความสะอาดเพียงพอต่อการเคลือบสี อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโปรไฟล์ของพื้นผิวเหล็กซึ่งจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของสี ทำให้ไม่เกิดการหลุดล่อนได้ง่าย เเละยังยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
สีรองพื้น
- ยึดเกาะพื้นผิวดี
- ยึดเกาะกับชั้นต่อไปได้ดี
- ป้องกันสนิม
สีชั้นกลาง
- ตัวเชื่อมการยึดเกาะระหว่าง สีรองพื้น และสีทับหน้า
- ป้องกันความชื้น และออกซิเจน
- เพิ่มความหนารวมของฟิล์มสี
สีทับหน้า
- ป้องกันมลพิษ,สภาพอากาศจากภายนอก
- ป้องกันสารเคมี,แรงกระแทก
- ให้ความสวยงาม
หน้าที่ของสีแต่ละประเภท
Water Base
สีแห้งเร็วสูตรน้ำที่ทำมาจากอะครีลิค ลาเทกซ์ มีคุณสมบัติเทียบเท่าสีน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Epoxy
สีรองพื้นอีพ็อกซี แห้งด้วยการทาปฏิกิริยากับสารเร่งแข็งประเภทโพลีเอไมด์ มีส่วนผสมของผงสีเหล็กอ็อกไซด์เพื่อป้องกันสนิม เป็นสีรองพื้นที่เหมาะกับพื้นผิวเหล็กที่ผ่านการเตรียมผิวโดยวิธีพ่น (Blast cleaning)
Polyurethane
สีทับหน้าโพลียูรีเทนชนิด 2 องค์ประกอบ ให้ความเงาสูงและสีไม่ซีดจางง่าย นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อตัวทาละลายต่างๆ, กรด, ด่าง, น้ำมัน, น้ำทะเลและการขูดขีดหรือเสียดสี สามารถใช้เคลือบได้บนพื้นผิวหลายชนิด เช่น ซีเมนต์, ปูนฉาบ, คอนกรีต, เหล็ก และอลูมิเนียม
Harmonic และ K – Factor
ก่อนที่เราจะทำความรู้จักหม้อแปลง k – factor นั้น เราจะมารู้ข้อมูลเบื้องต้นของตัวการที่จะทำให้เกิดหม้อแปลง k – factor ขึ้นมา นั่นคือ “ฮาร์มอนิกส์”
ฮาร์มอนิกส์ คือ ส่วนประกอบในรูปสัญญาณคลื่นไซน์ (Sine wave) ของสัญญาณหรือปริมาณไฟฟ้า เป็นความถี่ใดๆซึ่งมีความถี่เป็นจำนวนเต็มเท่าของความถี่มูลฐาน (Fundamental Frequency ในระบบไฟฟ้าประเทศไทยมีค่าเท่ากับ 50 Hz) เช่น 150Hz,250Hz เป็นต้น ซึ่งการเกิดฮาร์มอนิกส์มักเกิดจากการทำงานของโหลดที่มีลักษณะไม่เป็นเชิงเส้น (Nonlinear Load) โดยเมื่อ ฮาร์มอนิกส์ เกิดขึ้นจากโหลดที่มีลักษณะไม่เป็นเชิงเส้น ฮาร์มอนิกส์จะไปรวมกับสัญญาณคลื่นไซน์ความถี่มูลฐาน ทำให้สัญญาณคลื่นไซน์มีลักษณะผิดเพี้ยนไป
ตัวอย่างของอุปกรณ์ไฟฟ้าพื้นฐานทั่วไปที่สามารถสร้างฮาร์มอนิกส์ได้
ผลกระทบของฮาร์มอนิกส์ต่อหม้อแปลง
เมื่อกระแสโหลดที่มีฮาร์มอนิก ทำให้ความสูญเสียเพิ่มขึ้นเนื่องจาก eddy current ในตัวนำขดลวดและส่วนของโลหะอื่น จะเพิ่มอุณหภูมิของส่วนเหล่านั้นให้สูงกว่าอุณหภูมิทำงานปกติภายใต้พิกัดปกติ จากประสบการณ์แสดงให้เห็นว่าตัวนำขดลวดเป็นส่วนวิกฤตมากสุด สำหรับการพิจารณาการยอมรับอุณหภูมิทำงานดังนั้นจึงควรป้องกันความสูญเสียในขดลวดเนื่องจากกระแสโหลดฮาร์มอนิกที่เกินจากความสูญเสียจากการทำงานปกติที่พิกัด 50-60 Hz
K – factor
K-factor คือ อัตราการเกิดความร้อนขึ้นภายในหม้อแปลงเนื่องจากกระแส Harmonic สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามมาตรฐาน ANSI/IEEE C.57.110
ตัวอย่างโหลดของการใช้งานที่ต้องใช้หม้อแปลง k – factor
LOW LOSS TRANSFORMER
หม้อแปลงความสูญเสียต่ำ (Low Loss Transformer) หมายถึง หม้อแปลงที่มีค่าความสูญเสียของหม้อแปลงต่ำกว่าหม้อแปลงทั่วไป ทำให้ประสิทธิภาพของหม้อแปลงมีค่ามากขึ้น
โครงสร้างหม้อแปลงไฟฟ้า
ความสูญเสียในหม้อแปลงไฟฟ้า (Losses)
ความสูญเสียในหม้อแปลงไฟฟ้าประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก คือ
- Core Loss (No load loss) ; Watt เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเส้นแรงแม่เหล็กในแกนเหล็ก แบ่งเป็น 2 ชนิด เนื่องจากกระแสไหลวน (Eddy current loss) และ เนื่องจากเส้นแรงแม่เหล็กค้าง (Hysteresis loss)
ความสูญเสียนี้ คือค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้งานต้องจ่ายตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีโหลดหรือไม่ก็ตาม
- Copper Loss (Load loss) ; Watt เกิดจากความสูญเสีย เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ขดลวดแรงสูง และขดลวดแรงต่ำ หรือเรียกว่า I2R Loss และความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากองค์ประกอบอื่นๆ เช่น ตัวถัง แคลมป์ เป็นต้น โดยจะเรียกว่า (Stray Loss)
ความสูญเสียนี้ คือค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้งานต้องจ่ายเมื่อมีการใช้ไฟจากหม้อแปลง
ตารางประสิทธิภาพของหม้อแปลงทั่วไป
ตารางประสิทธิภาพของหม้อแปลงความสูญเสียต่ำ
การเปรียบเทียบหม้อแปลงทั่วไปกับหม้อแปลงความสูญเสียต่ำ
ตัวอย่างหม้อแปลงขนาด 2000 KVA ระบบไฟ 22000 – 400/230 V
Hottest spot temperature and transformer life .According to IEC 60076–7 at ambient temperature 35 ๐C at 100% load
ข้อดีของหม้อแปลงความสูญเสียต่ำ
- ประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน
- ระยะเวลาคืนทุนใช้เวลาไม่นาน
- ประสิทธิภาพหม้อแปลงเพิ่มขึ้น
- เพิ่มอายุการใช้งานหม้อแปลง
ODAF Transformer
รูปแบบการระบายความร้อนของอนาคต ในหม้อแปลง distribution
รูปแบบการระบายความร้อนนั้นตามมาตรฐาน IEC 60076-2:2011 ซึ่งหม้อแปลงแต่ละเครื่องจะถูกระบุวิธีการระบายความร้อนตามความต้องการของลูกค้า สำหรับหม้อแปลง liquid – immersed นั้นจะถูกระบุด้วยรหัสตัวอักษร 4 ตัว
โดย 2 ตัวแรกจะระบุเป็นภายในหม้อแปลง
อักษร 2 ตัวหลังจะบอกถึงรูปแบบการระบายความร้อนภายนอก
การระบายความร้อนของหม้อแปลงด้วยน้ำมัน โดยใช้ปั๊มเป็นตัวบังคับให้น้ำมันไหลผ่านชุดขดลวดภายในหม้อแปลงไปสู่ผนังตัวถังได้เร็วขึ้นกว่าหม้อแปลงปกติ(ONAN) ทำให้การระบายความร้อนในชุดขดลวดภายในหม้อแปลง (Winding Temperature) ดีขึ้น และความร้อนของน้ำมันหม้อแปลงที่ถูกถ่ายเทมาที่ผิวตัวถังและชุดครีบตัวถัง จะมีพัดลมระบายความร้อนติดอยู่ที่ชุดครีบตัวถังช่วยให้การระบายความร้อนอุณหภูมิของน้ำมันหม้อแปลง(OIL Temperature) ดีขึ้น เหมาะสำหรับหม้อแปลงตั้งแต่ 0 – 500 MVA สามารถใช้กับโหลดได้ทุกชนิด และลดขนาดหม้อแปลงลงประมาน 10 – 20%
รูปแบบอย่างง่ายสำหรับการทำงานการระบายความร้อนของหม้อแปลงแบบ ODAF
ข้อดีข้อหม้อแปลงที่ใช้วิธีการระบายความร้อนแบบ ODAF
- ระบายความร้อนได้ดีกว่า ONAN ซึ่งเป็นการระบายความร้อนแบบปกติ
- เนื่องจากน้ำมันไหลผ่านชุดขดลวด โดยตรงยืดอายุของฉนวนหม้อแปลง
- หม้อแปลงมีขนาดเล็กลง
- ภาพสูงขึ้นเหมาะสำหรับหม้อแปลง FIX DIMENSION แทนที่เดิมสามารถ UP CAPACITY ได้ (40-50%) เหมาะสำหรับหม้อแปลง K-FACTOR
Phase-Shift Transformer
หม้อแปลง Phase shift คือ หม้อแปลงแบบพิเศษที่สามารถลดผลกระทบของฮาร์มอนิกส์ที่มีอยู่ในอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (VSD) ในระบบไฟฟ้าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวน Pulse ของ VSD
ตัวอย่าง Vector Diagram ของ หม้อแปลง Phase–Shift
การใช้อุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (VSD) มีประโยชน์มากมายหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Electric–Submersible Pump (ESP) หรือที่เรารู้จักในชื่อ ปั๊มจุ่มและปั๊มแช่ ซึ่งนำไปสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดสำหรับการใช้อุปกรณ์ต่างๆในด้านการผลิตแต่การใช้ VSD ทำให้เกิดปัญหาบางอย่างเมื่อเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าเนื่องจากความจริงที่ว่า VSD เป็นโหลดไม่เชิงเส้น ( non–linear loads )ส่งผลกระทบต่อคลื่นรูปซายน์(sine wave)ของกระแสไฟฟ้า ทำให้เกิดกระแสฮาร์มอนิกในระบบไฟฟ้า ส่งผลให้อุปกรณ์ในระบบเสียหาย
หม้อแปลง Phase shift เป็นการออกแบบหม้อแปลงแบบพิเศษที่สามารถลดผลกระทบของอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ (VSD)ต่อระบบไฟฟ้าโดยช่วยลดฮาร์มอนิกในระบบไฟฟ้าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวน Pulse ของ VSD ฮาร์มอนิกอาจลดลงได้โดยการเพิ่มจำนวน rectifer ที่ใช้ใน VSD เช่น 12 pulse converter มี 2 rectifier ซึ่งจะมีมุมองศาของแรงต่ำต่างกัน 30 องศา , 18 pulse converter มี 3 rectifier ซึ่งจะมีมุมองศาของแรงต่ำต่างกัน 20 องศา และ 24 pulse converter มี 4 rectifier ซึ่งจะมีมุมองศาของแรงต่ำต่างกัน 15 องศา พบว่ามุมองศาของแรงต่ำต่างกันน้อยกว่าจะช่วยลดฮาร์มอนิกได้ดีกว่า สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับระบบซึ่งสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือการเลือกใช้หม้อแปลงให้สามารถใช้กับโหลดชนิดนี้ได้
Conventional 12-pulse system
โดยทั่วไปหม้อแปลง 2 vector group เช่น Dd0yn11 Dd0yn1 องศาแรงต่ำ shift กับแรงสูงมุมจะลงตัวตามเข็มนาฬิกา แต่สำหรับหม้อแปลง phase shift องศาแรงต่ำ shift กับแรงสูงจะไม่ลงตัวตามเข็มนาฬิกาเช่น Dd(-15°)y(+15°) Dd(+7.5°)y(-22.5°) โดย หม้อแปลงทั้งสองชนิดที่กล่าวข้างต้น เป็นหม้อแปลง 12–pulse transformer ซึ่งขึ้นอยู่กับโหลดที่ติดตั้งว่าจะใช้กับหม้อแปลงแบบใด
ตัวอย่าง Vector diagram ของหม้อแปลง phase shift
ตัวอย่าง nameplate ของหม้อแปลง Phase-Shift